29 กุมภาพันธ์ 2567

ผู้ว่าฯนครสวรรค์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดนครสวรรค์ นำหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลือบ้านที่ประสบอัคคีภัย ในพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 พื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยนางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครสวรรค์ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ชมรมแม่บ้านมหาดไทย / สำนักงาน ปภ. จังหวัด / นายอำเภอ ลงพื้นที่ช่วยเหลือบ้านที่ประสบอัคคีภัย บ้านเลขที่ 10/5-10/6-และ10/7 หมู่ที่ 4 ตำบลพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์  พร้อมทั้งให้กำลังใจและมอบสิ่งของยังชีพเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยเพลิงไหม้บ้านหลังดังกล่าว  สืบเนื่องเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 16.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ กู้ภัยได้เร่งประสานรถดับเพลิงจาก เร่งทำการฉีดพ่นน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ บ้านเลขที่ 10/5-10/6-และ10/7 หมู่ที่ 4 ตำบลพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งบ้านทั้ง 3 หลังเป็นบ้านไม้ ทำให้เปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ หลังจากการสอบถามสาเหตุพบว่าเกิดการชาร์จแบตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและเกิดระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สะเก็ดไฟเกิดลุกไหม้ลามติดบ้านถึง 3 หลัง โดยบ้านทั้ง 3 หลังมีผู้อยู่อาศัยจำนวน 7 คน โดยเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย และทราบชื่อภายหลัง คือ1.นายศรายุทธ จันทร์อ่อน อายุ 32ปี และ2.พภ.นเรศน์ จันทร์อ่อน อายุ 48ปี (พระภิกษุ) ทั้งนี้ทางจังหวัดนครสวรรค์ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งช่วยเหลือบรรเทาทุกเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบอัคคีภัย พร้อมทั้งประสานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ พมจ.จังหวัดนครสวรรค์ และหน่วยงานต่างๆ เร่งให้ความช่วยเหลือต่อไป☎️ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​-0619782952​-☎️☎️

เมืองสี่แคว!!!!กรมฝนหลวง และการบินเกษตร เปิดปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.15 น. ณ บริเวณโรงเก็บเครื่องบิน 7 สนามบินนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2567 โดยมีนายทวี​ เสริมภักดี​กุล​ ผู้​ว่าราชการ​จังหวัด​นครสวรรค์​  นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์     กล่าวต้อนรับ ซึ่งในช่วงเช้ามีการประกอบพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าหน้าที่ ลำดับต่อมาประธานได้ตรวจแถวชุดปฏิบัติการฝนหลวง 9 ชุด และคล้องพวงมาลัยให้กับเครื่องบิน ผู้อำนวยการศูนย์ และหัวหน้านักบิน จำนวน 9 ชุด พร้อมกล่าวให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทุกภาคส่วน หลังจากนั้นทำพิธีปล่อยคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติการไปประจำการแต่ละหน่วยทั่วประเทศ ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยที่จะออกปฏิบัติการฝนหลวงในปีนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยต่อภาคการเกษตรในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปัญหาการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภคและการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินการป้องกันและบรรเทาช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติดังกล่าว ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 นี้ มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน ยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน กรมฝนหลวงฯมีแผนในการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 16 หน่วย โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 7 ศูนย์ และได้ปรับแผนในการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในเดือนมีนาคม และเมษายน 2567 จำนวน 7 หน่วย โดยใช้อากาศยานรวมทั้งสิ้น 30 ลำ ได้แก่ อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ อากาศยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ จำนวน 6 ลำ ในการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้1. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่2. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดแพร่3. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี 4. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี5. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง    - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา6. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี7. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้  - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 4 แห่ง ที่จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดระยอง อีกทั้ง ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงฯได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วยเหลือพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้เพื่อบรรเทาป้องกันการเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองนาดเล็ก PM2.5 และเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำ ในส่วนพื้นที่ภาคเหนือ ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 ช่วยเหลือบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้การบูรณาการร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ และยังคงติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปวางแผนในการปฏิบัติการฝนหลวงอีกด้วย ​นายสุพิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของสภาพภูมิอากาศ และพื้นที่ที่มีความต้องการน้ำของประเทศไทย เพื่อให้การปฏิบัติการฝนหลวงเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงฯ และขอรับบริการฝนหลวง ได้ตามช่องทางดังนี้ หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, Twitter : @drraa_pr และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 7 ศูนย์ทั่วประเทศ #ฝากกดติดตาม​ เพจ-รอบรั้ว​ภูธร​ ซีซั่น​2​ และ​ เพจ-มึงมันรั้นเพื่อติดตามข่าวสารที่ฉับไว☎️☎️ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ 0619782952​-0838823240​☎️

NCES น่าน - อำเภอปัว ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และลชมรมท่องเที่ยวอำเภอปัว เปิดงานเทศกาลชมพูภูคาบาน สืบสานตำนานชาติพันธุ์ อำเภอปัว ประจำปี 2567

เย็นวันนี้ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ถนนน่าน- ทุ่งช้าง บริเวณทางเข้าสถานีขนส่งรถโดยสารเทศบาลตำบลปัว อำเภอปัว  จังหวัดน่าน  นายชัยนรงค์  วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน  เป็นประธาน เปิดงานเทศกาลดอกชมพูภูคาบาน สืบสานตำนานชาติพันธุ์ อำเภอปัว ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว  การส่งเสริมผู้ประกอบการ ร้านค้า โรงแรม และประชาชนในพื้นที่ก่อให้เกิดรายได้  อีกยังเป็นการส่งเสริมการ จัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชุมชน                                 ทางอำเภอปัว องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอปัว ร่วมกับ ชมรมการท่องเที่ยวอำเภอปัว  ได้จัดงานเทศกาลดอกชมพูภูคาบาน สืบสานตำนานชาติพันธุ์ ประจำปี 2567 ขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 5  มีนาคม  2567  ณ บริเวณสถานีขนส่งเทศบาลตำบลปัว   ซึ่งเป็นงานประจำปีของอำเภอปัว  โดยภายในงาน ได้จัดกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การจัดขบวนแห่ ของกลุ่มชาติพันธ์ ในพื้นที่แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์  รวม 5 กลุ่มชาติพันธ์ มีการประกวดชุดแต่งกายชาติพันธุ์อำเภอปัว  การประกวดร้องเพลงประชาชนทั่วไป  การจัดกิจกรรมวาดภาพดอกชมพูภูคาของเด็กเยาวชนนักเรียน และศิลปินเมืองปัว การจัดนิทรรศการเทศกาลดอกชมพูภูคาบาน สืบสานตำนานชาติพันธุ์                ทั้งนี้ ต้น“ชมพูภูคา” เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่หาได้ยากและใกล้สูญพันธุ์ ชมพูภูคาจะขึ้นอยู่ในบริเวณป่าดิบเขาที่ระดับความสูง 1,200-1,500 เมตร  จากระดับน้ำทะเล ส่วนใหญ่แล้วจะพบในบริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีน ภาคเหนือของเวียดนาม ไต้หวัน และไทย   และในภายหลังพบว่า  ป่าบริเวณที่มีต้นชมพูภูคา ในต่างประเทศที่กล่าวมา ถูกทำลายไปหมด จึงคาดว่าต้นชมพูภูคาอาจสูญพันธุ์ไป ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลระบุว่าพบต้นชมพูภูคา พบที่ จังหวัดน่าน ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ประเทศไทย เพียงแห่งเดียวในโลก เนื่องจากป่าดิบเขาที่มีต้นชมพูภูคาในหลายประเทศถูกทำลายหมด ซึ่งดอกชมพูภูคา จะเริ่มทะยอยออดดอกบานอวดโฉม  จะออกช่อ ดอกสีชมพูสวยสดงดงาม ปีละ 1 ครั้ง เท่านั้น ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม ของทุกปี  ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม  โดยในขณะนี้ ออกดอก อวดโฉมที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งคาดว่า จะเบ่งบาน ไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม 2567 เนื่องจากในปีนี้ สภาพอากาศจะร้อนเร็วกว่าปกติ  ซึ่งคาดว่าดอกชมพูภูคา อาจจะล่วงหล่นก่อนกำหนดก็เป็นได้                        การจัดงานเทศกาลดอกชมพูภูคาบาน สืบสานตำนานชาติพันธุ์ ประจำปี 2567  กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ เป็นกลุ่มที่มีขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม มีความเข้มแข็ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความสามัคคี แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงในสังคมชาติพันธุ์  ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้  ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากส่วนราชการองค์กรเอกชนร้านค้า ประชาชนในอำเภอปัว สมาคมการท่องเที่ยวอำเภอปัว  สื่อสารมวลชน จังหวัดน่าน องค์กรเอกชนร้านค้าและ ประชาชนในพื้นที่อำเภอปัว  ได้ร่วมกันจัดขึ้น  ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น ต่อไปสมาน  สุทำแปง/น่าน

ชาวตลาดมูโนะเฮจุฬาราชมนตรีเดินทางมามอบบ้านที่ซ่อมแซมแล้วเสร็จ พร้อมอำนวยพรละเลิกความชั่วและอบายมุขถือศีลอดในเดือนรอมฏอนให้ลุล่วงไปด้วยดี​

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 27 ก.พ.67 นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางมายังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมูโนะ สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งตั้งอยู่บ้านมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โยมีนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รอง ผวจ.นราธิวาส นายอนุรธ บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ และตัวแทนคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส กรรมการสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี และผู้แทนจากองค์กรต่าง ๆคอยให้การต้อนรับโดยนายอรุณ จุฬาราชมนตรี ได้เข้าไปในศูนย์อำนวยการฯ เพื่อรับฟังบรรยาสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์โกดังเก็บดอไม้ไฟระเบิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 11 ราย ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และมีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 469 หลัง ในส่วนของศูนย์อำนวยฯรับผิดชอบในการซ๋อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 124 หลัง ซึ่งได้ซ่อมแซมแล้วเสร็จ 118 หลัง ที่จะมีการส่งมอบในวันนี้ด้วยงบประมาณที่ได้จากการรับริจาค จำนวน 7 ล้านบาท ด้วยระยะเวลา 3 เดือน โดยเริ่มต้นโครงการตั้งแต่ กลางเดือนสิงหาคม ถึง เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาจนแล้วเสร็จต่อมานายบุญชม จุฬาราชมนตรี ได้เดินชมบ้านของชาวบ้านที่ทางศูนย์อำนวยฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จและจะมีการรับมอบในวันนี้ พร้อมทั้งได้มีการทักทายพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชาวบ้านได้ขอขอบคุณจุฬาราชมนตรี ที่มีความเป็นห่วงเป็นใยชาวบ้านทุกคน เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ ทั้งความเป็นอยู่เงินทุนรวมไปถึงที่อยู่อาศัย ชาวบ้านได้กลับมาเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่นอกจากนี้นายอรุณ จุฬาราชมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านมูโนะ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและมอบบ้านที่ซ่อมแซมแล้วเสร็จ จำนวน 118 หลัง รวมทั้งข้าวสารให้กับพี่น้องประชาชน ในการเติมเต็มและบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งนายบุญชม จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวอวยพรในโกาสที่กำลังเข้าสู่เดือนรอมฎอนอันประเสริฐ หรือ เดือนแห่งการถือศีลในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ทุกท่านได้ละเลิกความชั่วและอบายมุขถือศีลอดในเดือนรอมฏอนให้ลุล่วงไปด้วยดีและประกอบอามัลอีบาดะห์อย่างสม่ำเสมอ ขอให้เราทุกคนได้มีโอกาสเข้าเดือนรอมฎอนมีความจำเริญ และความพอพระทัยจากพระองค์อัลลอฮฺด้วยเทอญนราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

พุทธมุสลิมปลื้มจุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย3จชต. วอนภาคใต้ต้องหันหน้าคุยกันหยุดใช้ความรุนแรง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.พ.67 นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส เพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างปลายเดือนธันวาคม 2566 กับต้นเดือนมกราคม 2567 ให้กับประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส พระโสภณคุณาธาร เจ้าคณะ จ.นราธิวาส และโต๊ะอิหม่าม ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น คอยให้การต้อนรับซึ่งการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ แยกเป็นประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ที่อาศัยอยู่พื้นที่ จ.นราธิวาส จำนวน 264 คน ยะลา จำนวน 94 คน และปัตตานี จำนวน 47 คน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 10,000 บาท พร้อมกันนี้ นายบุญชม จุฬาราชมนตรี ยังได้มอบเงินให้กับโรงพยาบาลตากใบ และโรงพยาบาลจะแนะ จำนวนแห่งละ 200,000 บาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนให้กับทางโรงพยาบาลนำไปใช้จ่ายช่วยเหลือประชาชนที่ได้เดินทางมารับใช้บริการ แต่ทางฐานะทางบ้านยากจนในครั้งนี้ด้วย ในการนี้นายบุญชม จุฬาราชมนตรี ได้ถือโอกาสกล่าวพบปะกับผู้นำศาสนาและพี่น้องประชาชน พอสรุปใจความว่า หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นจุฬาราชมนตรี มีความตั้งใจจะเดินทางมาพื้นที่ภาคใต้ พร้อมมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟมูโนะระเบิด รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 3 จชต.ที่ต้องเผชิญอย่างหนักในรอบ 50 ปี ทุกชนชั้นทุกศาสนาเป็นพี่น้องกัน เกื้อกูลให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สังคมบ้านเมืองจะมีความสงบสุขและน่าอยู่  ด้าน พล.ต.ต.สุริน ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ท่านจุฬราชมนตรีกำชับพื้นที่ภาคใต้อย่าใช้ความรุนแรงทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และฝ่ายขบวนการต่างๆ มีปัญหาอะไรมาคุยกันใช้สันติวิธี ในการแก้ปัญหาท่านจุฬาราชมนตรีท่านเป็นห่วง พวกเราน้ำท่วมแล้วยังมาพบกับปัญหามาเป็นเวลานานแล้ว ก็เลยอยากจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรงให้หันหน้าเข้าหากัน สงสารลูกๆหลานๆสงสารรัฐบาลที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมาแก้ไขปัญหานราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมซื้อบัตรผ่านประตู ลดทันที 50 %

สวนนงนุชพัทยาโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา  ประกาศโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคม ซื้อบัตรผ่านประตูลดทันที 50 %  เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีของนักท่องเที่ยวในเดือนที่ผ่านมา และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทยจึงได้ขยายเพิ่มในเดือนมีนาคม ส่วนของโปรโมชันพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าฟรีทุกวันศุกร์  เด็กความสูงไม่เกิน 140 ซม.ที่มากับครอบครัว และผู้พิการพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน   ล่าสุดสวนนงนุชพัทยา ได้รับมอบประกาศนียบัตรจากอธิดีกรมอานามัยให้เป็นสถานที่ที่ได้ปฎิบัติตามมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Attraction) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567  รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของสวนนงนุชพัทยาซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาที่ผ่านมา เน้นในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง     นอกจากนี้มีบริการนั่งรถชมสวนสวยที่ติด 1ใน10 สวนที่สวยที่สุดในโลกโดยไม่ต้องเดิน   สำหรับผู้ที่ต้องการชมการแสดงนงนุชโชว์และการแสดงช้างแสนรู้ มีวันละ 4  รอบ  ผู้ที่ต้องการใช้โปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมเพียงยื่นหลักฐานที่ช่องจำหน่ายบัตร สวนนงนุชพัทยาเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. -18.00 น.☎️☎️ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​0619782952​-0838823240​☎️☎️

จ.เลย​ -​กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จัดกิจกรรมทัศนศึกษาในพื้นที่ กกล.ป้องกันชายแดน (One Day Trip) ในพื้นที่ จังหวัดเลย

ตามแนวทางของ ทบ. ประจำปี 2567เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พลตรี นรธิป โพยนอก ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการรักษาควา...